วิธีการปรับตั้งโช็ค Öhlins อย่างละเอียด! ไม่ยากอย่างที่คิด!!
- 26/10/2016
11,300 views
ดีไซน์ และฟังก์ชั่นต่าง ๆ ของโช็ค Öhlins
โช็ค Öhlins ทั้งหมดนั้นเป็นโช็คประเภท Monotube แรงดันสูง ซึ่งในกระบอกโช็คจะประกอบไปด้วยน้ำมันและแก็สซึ่งจะทำงานแยกส่วนกัน โดยในแบบที่ (4) นั้นแก็สจะถูกพักใว้ที่ซับแท็งค์ภายนอกโดยอาศัยสายส่งเรียว่าแบบ External Reservoir แบบที่ (3) กระบอกซับแท็งค์จะติดอยู่กับตัวโช็คหรือที่เรียกกันสั้นๆว่า Piggyback แบบที่ (2) แก๊สกับน้ำมันแยกส่วนกันแต่อยู่ภายในกระบอกโช็คเดียวกันเรียกว่า Internal gas และแบบสุดท้ายคือแก๊สและน้ำมันผสมกันหรือเรียกว่า Emulsion Type ซึ่งจุดประสงค์หลักของโช็คอัพนั้นมีเพื่อรองรับ ดูดซับแรงกระแทก และช่วยลดแรงสั่นสะเทือนระหว่างพื้นผิวกับตัวรถนั่นเอง
และวันนี้เราจะมาเรียนรู้วิธีปรับตั้งโช็คอัพของ Öhlins อย่างละเอียดและถูกต้อง ซึ่งผมเชื่อเหลือเกินว่าจะเป็นประโยชน์แก่เหล่าไบค์เกอร์ไม่มากก็น้อยว่าแล้วก็ไปลุยกันเลย!!
การปรับเซ็ตโช็คให้เหมาะกับรถ
ข้อควรระวัง! ก่อนการขับขี่ทุกครั้งต้องมั่นใจว่าได้ปรับตั้งให้อยู่ในค่ามารตฐานตามที่ Öhlins แนะนำมาให้แล้วอย่างถูกต้องครบถ้วน โปรดจำใว้ว่าการปรับตั้งนั้นควรทำทีละสเต็ปและปรับตั้งเพียงครั้งเดียวต่อครั้งเท่านั้น
สเต็ปที่ 1:
Spring Preload (สปริงพรีโหลด) – Free Sag (ล้อแตะพื้นไม่มีผู้ขับขี่) – Ride Height (มีผู้ขับขี่และสัมภาระ) วัดระยะห่างของโช็คก่อนการเซ็ตติ้ง สำหรับพรีโหลดนั้นเป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ ในการเซ็ตติ้งรถของคุณแต่ละครัง เพราะมันจะส่งผลโดยตรงต่อการขับขี่
หมายเหตุ! ขั้นตอนต่อไปนี้ควรจะดำเนินการบนพื้นที่ราบเรียบเสมอกัน
- ตั้งขาตั้งคู่หรือสแตนด์ยกรถเพื่อให้ล้อทั้งสองข้างของตัวรถลอยขึ้นจากพื้นดินและโช็คทั้งสองไม่มีภาระกดดันหรือการรับน้ำหนักใด ๆ
- มาร์กจุดที่จะเป็นตัวอ้างอิงเอาใว้สำหรับการวัดความห่างระหว่างช่วงยุบตัวของโช็คด้วยเทปกาวเช่น มาร์คจุดแรกที่แกนล้อจากนั้นมาร์กจุดสองที่ใต้เบาะ
- วัดระยะห่างจากจุดมาร์กที่ 1 ไปยังจุดมาร์คที่ 2 ดูตัวอย่างได้จาก (R1)
- วัดระยะห่างของช่วงยุบตัวโช็คหน้าจากจุดมาร์คที่ 1 ไปยังจุดมาร์กที่ 2 ดูตัวอย่างได้จาก (F1)
- พับขาตั้งคู่หรือสแตนด์ลงให้ล้อทั้งสองแตะพื้นเพื่อให้โช็คหน้าและหลังมีแรงกดแล้วทำการวัดอีกครั้ง ดูได้จาก (R2 and F2)
- ขึ้นไปนั่งคร่อมบนรถในตำแหน่งปกติ โดยยกขาทั้งสองขึ้นมาวางบนพักเท้า ทำโดยมีคนคอยจับรถเอาใว้ แล้วทำการวัดอีกครั้ง ดูตัวอย่างได้จากภาพและ (R3 and F3)
คำแนะนำในการวัด หากไม่มีคู่มือการปรับตั้งมาให้ ให้ทำการวัดระยะตามข้อมูลด้านล่างนี้
Free sag (R1-R2), (F1-F2) คือขณะที่โช็คไม่มีแรงกดใด ๆ และขณะที่ล้อแตะพื้น ระยะห่างด้านหลังจะอยู่ที่ 5-15 มม. ระยะห่างด้านหน้า 20-30 มม.
Ride height (R1-R3), (F1-F3) คือขณะที่โช็คไม่มีแรงกดใด ๆ และขณะที่มีคนขับขี่อยู่บนรถ ระยะห่างด้านหลังจะอยู่ที่ 25-35 มม. ระยะห่างด้านหน้า 30-40 มม.
หมายเหตุ! โปรดเช็คข้อมูลจากเว็บไซต์ของ Öhlins หรือตัวแทนจำหน่ายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้ข้อมูลทีอัพเดตล่าสุด
สเต็ปที่ 2:
ปรับค่า: สปริงพรีโหลด
- หากวัดแล้วระยะห่างไม่ตรงตามคำแนะนำเบื้องต้นให้ทำการปรับตั้งสปริงพรีโหลดให้ตรงตามคู่มือ (ดูการปรับตั้งสปริงได้จากหัวข้อด้านล่าง)
- หากวัดขณะที่มีผู้ขับขี่แล้วระยะห่างไม่ตรงตามคำแนะนำเบื้องต้นและทำการปรับจนสุดเกลียวแล้วก็ยังไม่ได้อยู่ดี ให้ทำการเปลี่ยนสปริงให้อ่อนลงหรือแข็งขึ้น
ข้อควรระวัง! ค่าเรทสปริงที่ไม่ถูกต้องจะสังเกตุได้จากรูปทรงที่บิดเบี้ยวและระยะห่างของสปริงที่แคบกว่าปกติ ซึ่งจะทำให้ส่งผลโดยตรงต่อการคอนโทรลรถ
ปรับตั้งค่า: สปริงพรีโหลด
เมื่อทำการปรับตั้งสปริงพรีโหลด นั่นแสดงว่าสปริงมีแรงมากระทำ ฉะนั้นมันจะยุบตัวหรือยืดตัวไปตามแรงกระทำนั้น ๆ และหากว่าการปรับตั้งของคุณไม่ถูกต้องตามคำแนะนำหรือค่ามารตฐานมันจะไม่ช่วยอะไรคุณเลยในด้านของประสิทธิภาพ
วิธีเซ็ตติ้งสปริงพรีโหลด
1 ปรับตั้งในส่วนของกลไก ใช้ประแจ C ล็อคตรงนำแหน่งล็อคของแหวนปรับเกลียวดังรูป (1A) หมุนเกลียวล่างดังรูป (1B) ไปยังตำแหน่งที่ต้องการ หมุนทวนเข็มเพื่อคลายสปริงหรือหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อย่นสปริงให้แข็งขึ้น
2 ปรับตั้งในส่วนของไฮโดรลิค หมุนปุ่มปรับไฮโดรลิคเพื่อเซ็ตค่าพรีโหลด โดยหมุนทวนเข็มเพื่อเพิ่มค่าพรีโหลดและหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อลดค่าพรีโหลด
3 การปรับตั้งไฮโดรลิคที่ใช้กระปุกซับแท็งค์แบบติดโช็ค หมุนสกรูหกเหลี่ยมเพื่อเปิดระบบไฮโดรลิคและเซ็ตค่าพรีโหลด โดยใช้หลักการเดียวกันคือหมุนทวนเข็มและตามเข็ม
A ระยะยืดสุดของสปริง
B ระยะที่ต่างจากเดิมเมื่อทำการปรับค่าพรีโหลดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
การปรับค่า: คอมเพรซชั่น
ปรับโดยการหมุนปุ่มปรับที่บริเวณด้านบนเหนือซับแท็งค์ โดยหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อหน่วง และหมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดความหน่วงของโช็ค
การปรับค่าความหนืดด้านยุบตัว
- ปรับโดยการหมุนปุ่มสีดำด้านบนกระปุกแก๊ส หมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อเพิ่มความหนืดการยุบตัว และหมุนนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อลดความหนืดการยุบตัว
- เป็นการปรับแบบเดียวกับข้อ 1 แต่เป็นประเภทโช็คที่มีกระปุกซับแท็งค์แยก
- ปรับโดยการใช้สกูหมุนด้านบนกระปุกแก๊ส วิธีการตามแบบข้อ 1
- ปรับโดยการใช้ประแจ High speed: ใช้ประแจ 6 เหลี่ยม Low speed: ให้ใช้สกรูหมุน วิธีการตามข้อ 1
การเริ่มต้นปรับระดับความหน่วงอีกครั้ง หมุนปุ่มปรับความหน่วงตามเข็มนาฬิกาจนสุดตำแหน่ง จากนั้นหมุนทวนเข็มนาฬิกา 1 ตำแหน่ง (นับ 0) นับจำนวนคลิ๊กจนกระทั่งได้ตำแหน่งที่แนะนำใว้ในคู่มือติดตั้ง
คำเตือน! อย่าใช้แรงมากจนเกินไป ซึ่งจะก่อให้เกิดความเสียหายต่อซีลรองได้ต่อ
การปรับค่า: รีบาวน์
การควบคุมกำลังค่าความหนืดด้านการยืดตัว (รีบาวน์) เมื่อโช็คอัพกำลังยืดตัว และควบคุมความเร็วของโช็คอัพในการกลับสู่ตำแหน่งปกติหลังจากมีแรงกด
การปรับค่าความหนืดด้านยืดตัว หมุนเกลียวดำ (ตามรูป) หมุนตามเข็มนาฬิกา พื่อเพิ่มความหนืดด้านยืด หมุนทวนเข็มนาฬิกา เพื่อลดความหนืดด้านยืด
การปรับเริ่มต้น หมุนตามเข็มนาฬิกาให้หมดคลิ๊ก (ตำแหน่ง 0) หมุนทวนเข็มนาฬิกาเพื่อเปิด หมุนตัวปรับต่อไปจนได้ระยะคลิกตามต้องการ
คำเตือน! อย่าใช้ความรุนแรงซึ่งจะนำไปสู่ความเสียหายของตัวซีลโช็คได้
การปรับค่า: ความยาว
โช็คอัพที่สั้นก็จะทำให้มอเตอร์ไซค์อยู่ในลักษณะต่ำ มุมมององศาของโช็คหน้าก็จะเพิ่มขึ้น โช็คอัพที่ยาวก็จะทำให้มอเตอร์ไซค์อยู่ในลักษณะที่สูงขึ้นมุมมององศาโช็คหน้าก็จะลดลง
ซึ่งในจุดนี้สำคัญมากให้จำเอาใว้เลยว่ารถระดับซุปเปอร์สปอร์ตหรือรถสนามนั้นการปรับตั้งเพียงน้อยนิดก็ส่งผลต่อตัวรถมากมายแล้ว
การปรับความยาว
- ถอดโช็คอัพออกจากมอเตอร์ไซค์
- ใช้อุปกรณ์ดังรูปด้านล่างจับน็อตด้านบนใว้ข้างหนึ่ง ขณะเดียวกันใช้อุปกรณ์คลายน็อตตัวล่าง ปรับค่า End eye/bracket ตามความต้องการ
- หมุน 1 รอบ ช 1 มม. ของความยาวโช้ค
คำเตือน! อย่าลืมล็อคน็อตหลังการปรับคตั้งทุกครั้ง
คำเตือน! การปรับค่า End eye/bracket นั้นต้องไม่หมุนให้น็อตหลุดออกไปจนเกินขีดที่กำหนดให้ และหลังการปรับตั้งแล้วให้ทำการขันน็อตล็อคให้แน่น
หมายเหตุ! หลังการปรับตั้งกรุณาเช็คไฟหน้าว่าอยู่ในระดับที่เหมาะสมหรือไม่
การบำรุงรักษาโช็คอัพ
การซ่อมบำรุงรักษาและการตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการรบกวนในการทำงาน และทำให้โช็คทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
การทำความสะอาด ทำความสะอาดโช็คอัพภายนอกด้วยน้ำยาทำความสะอาดแบบอ่อน ตามด้วยลมเป่าให้สิ่งสกปรกหลุดออกให้หมด ยก Bump rubber ขึ้นและทำความสะอาดพื้นที่ด้านล่าง ควรรักษาโช็คให้สะอาดและสเปรย์ด้วยน้ำมัน (WD40,CRC-5-56 หรือเทียบเท่า) หลังจากล้างควรเช็คคราบน้ำมันส่วนเกินออกให้หมด
คำเตือน! ไม่ควรฉีดน้ำโดยตรงเข้าไปในลูกบิดที่ใช้การปรับ และ/หรือที่ตัว Ball joint (1)
การตรวจสอบ
- ตรวจสอบ ball joint(1) เพื่อหาสิ่งสกปรกตกค้าง
- ตรวจสอบ Piston shaft (2) เพื่อหารอยรั่วแลความเสียหาย
- ตรวจสอบที่ตัวโช็คอัพ เพื่อหาความเสียหายภายนอก
- ตรวจสอบกระบอกบรรจุแก๊ส เพื่อหาความเสียหายภายนอก ที่อาจทำให้ Piston ไม่สามารถทำงานได้อย่างมีอิสระ
- ตรวจสอบความสึกหรอของชิ้นส่วนที่เป็นยาง
- ตรวจสอบจุดติดตั้งระหว่างตัวโช็คอัพกับรถ
การเซอรวิส
รถแข่ง: ทุก ๆ 10 ชม.ของการใช้งาน สูงสุด 20 ชม. ต่อการเซอร์วิสและเปลี่ยนถ่ายน้ำมัน
รถทั่วไป: ใช้บนถนนสาธารณะทั่วไป 30,000 กม.
หมายเหตุ! ใช้เฉพาะของเหลวจาก Öhlins ที่เป็นดิลเลอร์เท่านั้น
คำเตือน! ห้ามเปลี่ยนแก๊สที่มีความดันต่างไปจากไนโตรเจนเป็นอันขาด
Thanks Information: Ohlinsasia
โปรโมชั่นสินค้าราคาพิเศษประจำสัปดาห์
Yamaha R1 คว้ารางวัลสุดยอดดีไซน์ครั้งที่ 4!
YAMAHA เตรียมเปิดตัว MT03 & MT25 2017 รุ่นน้ำหนักเบาในวันที่ 15 ธันวาคมนี้ !