WEBIKE TRIP- One day trip EP. 2 ตอนพลัง E-Clutch

  • 28/03/2024
  •  816 views

ทริปนี้เราได้รับการสนับสนุนรถ จาก สื่อ HONDA
เราเลยมีโอกาสได้ทดลองขับขี่รถทุกคัน ในเส้นทางของทริปนี้
และวันนี้จะมาพูดถึงการขับขี่รถทุกคันแบบสั้นๆ ให้อ่านกัน

เริ่มจาก... CB650R E-Clutch

Honda CB650R 2024 รถบิ๊กไบค์สไตล์นีโอสปอร์ตเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง อัพเดทเทคโนโลยีใหม่พร้อมดีไซน์ใหม่ตั้งแต่หัวจรดท้าย เด่นด้วยเทคโนโลยี E-Clutch เปลี่ยนเกียร์ได้โดยไม่ต้องกำคลัทช์

ความคิดเห็นจาก วีไบค์

"หักก้านคลัชทิ้งได้เลย" อาจเป็นคำที่นิยามความหมายของระบบ E-Clutch ได้ดีที่สุด ซึ่งตัว E-Clutch นี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกำคลัชเลยแทบจะ100% สำหรับคนที่ใช้รถคลัชมือมาตลอด ในบางจังหวะอาจอยากใช้คลัชบ้างในช่วงรอบความเร็วต่ำ ดันขึ้นเนิน เลี้ยวในเมืองถอยขยับเข้าซอง แต่หากใช้เจ้า E-Clutch นี้จนชินมือแล้ว ไม่ต้องกำเลย 100% แน่ๆ โดยที่จังหวะเลียคลัชดันขึ้นเนิน เราอาจใช้เกียร์2หรือ3 รินคันเร่งน้อยๆแทนได้

"เตะเกียร์ไม่เข้า" อันนี้อาจเป็นปัญหาสำหรับคนที่คุ้นชินกับการกำคลัช หากใช้ระบบ E-Clutch แบบ100% ไม่ได้กำคลัชเลย การเข้าเกียร์จะเป็นอะไรที่ปกติมากๆ ค่อนไปทางดีมากๆเลยด้วยซ้ำ ทั้งการต่อเกียร์ขึ้น-ลง ไม่ว่าจะรอบเครื่องที่สูงหรือต่ำ มันกลายเป็นความนุ่มนวลไปหมด เพราะมันทำงานร่วมกับ Quick-Shifter แต่บางครั้ง ที่เราอยากจะกำคลัชอาจมีอาการเตะเกียร์ไม่เข้าเพราะเจ้าตัว E-Clutch มันกำลังทำงานอยู่ ซึ่งข้อนี้อาจต้องทำความเคยชินกับขี่ให้คุ้นระบบนี้ไปสักพักนึงก่อน ถึงจะปรับตัวเข้ากับมันได้

"งงเรือนไมล์" แน่นอนแหละ กับระยะเวลาที่ได้ทดสอบเจ้า CB650R E-Clutch นั้น มีค่อนข้างจำกัด จึงไม่สามารถบอกได้หมดว่าเรือนไมล์นั้นมี Option อะไรให้เล่นบ้าง (เยอะจัด) แต่บอกได้เลยว่ามีครบถ้วนที่รถทั่วไปควรจะมี และอื่นๆที่คิดว่าไม่ต้องมีก็ได้มั้ง แต่ Honda ก็จับยัดจัดเต็มมาให้แบบจำไม่หมด อันนี้ใครที่ได้ครอบครองก็คงจะต้องกดเล่นกันนานหน่อย

"ขับขี่ในเมือง" ถึงแม้รถจะค่อนข้างหนัก แต่ก็ไม่ได้หนักมากจนถึงกับกล้ามขาขึ้น บวกกับมิติรถที่ไม่ได้ใหญ่มาก ไม่สูงไม่ยาวเท่า Forza ทำให้เวลาขับขี่ในเมืองช่วงรถติดทำได้ดีทีเดียว เวฟไปได้เราก็ไปได้ ยิ่งถ้าเปลี่ยนเป็นกระจกก้านสั้น หรือกระจกปลายแฮนด์ มุดเพลินๆพลิ้วๆแน่นอน

"ความร้อน" ร้อนครับ ร้อนแน่นอน ช่วงที่พัดลมหม้อน้ำเป่า ลมร้อนเป่าโดนขาเต็มๆ ตอนวิ่งไม่เท่าไร แต่ตอนติดไฟแดง กางเกงยีนส์ยังหวั่นไหว ถ้าใส่ขาสั้นอาจจะมีสะดุ้งกันบ้าง แนะนำเลี่ยงขาสั้น

ส่วนตัวรถและสมรรถนะขอข้ามการรีวิวไปเลยแล้วกัน เพราะมันก็คือเจ้านักเก็ต4สูบรุ่นอัพเกรด ที่ถูกจับยัดเทคโนโลยีใหม่ๆมาแบบพร้อมใช้งานทั่วไป ในบางส่วนที่อาจจะไม่ค่อยชอบ ก็ค่อยไปปรับเซ็ทติ้งตามชอบได้เลย

สรุปคะแนนรีวิว CB650R E-Clutch

- ความสวยงาม : 5/5 ชอบมาก หล่อจัด บึกบึน ดุดัน สมส่วน ดีไซน์ดูทันสมัย

- คุณภาพวัสดุ : 4.5/5 บางอย่างยังเป็นดีไซน์ของโมเดลเก่าอยู่แต่ อะไหล่แต่งมีให้เปลี่ยนอีกเยอะแยะ

- การควบคุม : 4/5 น้ำหนักรถแอบหนักไปนิดนึง แต่ด้วยรูปร่างที่ไม่ใหญ่เกินไปบวกกับน้ำหนักที่รู้สึกหนักนี้เอง ทำให้การขับขี่ทางไกลรู้สึกรถนั้นมั่นคง นิ่ง ไม่ออกอาการเหมือนรถเบาๆ

- ตัวระบบ E-Clutch : 4/5 จากใจคนชอบกำคลัช บางจังหวะที่อยากกำคลัชยังงงๆ เตะเกียร์ไม่เข้าอยู่ แต่ถ้าทำความเข้าใจกับมันดีแล้ว ใช้มันให้ชิน มันเป็นระบบที่ดีมากๆเลยแหละ อย่างน้อยก็บรรเทาอาการปวดมือซ้ายได้มากโขเลย

รุ่นต่อมา

HONDA CL500 / CL300

Honda CL300 : รถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์เรโทรสแครมเบลอร์น ในสไตล์รูปลักษณ์ตามแบบฉบับของความคลาสสิก ถูกเปิดตัวในพิกัดรุ่นน้องเล็กจากค่าย "ฮอนด้า" ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 286 ซีซี ออกแบบภายใต้แนวคิด "A Reflection of you ออกไปสะท้อนตัวตนที่เป็นคุณ"

Honda CL500 : รถจักรยานยนต์แอดเวนเจอร์แนวสแครมเบลอร์ มาพร้อมสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกแบบเดียวกับ Honda CL300 2023 ทั้งชุดไฟหน้า LED 4 ดวงในกรอบทรงกลม รวมถึงเอกลักษณ์ของรถสแครมเบลอร์

"ต่างกันแค่เครื่อง" ส่วนตัวแล้วผมขี่ CB500X ใช้งานอยู่ทุกๆวัน แต่ผมก็เคยเป็น CBR300R มาก่อนด้วย จึงคุ้นชินกับคาแรคเตอร์เครื่องยนต์ของทั้ง2โมเดลนี้เป็นอย่างดี ซึ่งทั่งคู่เป็นบล๊อคเครื่องที่มีพละกำลังในรอบต้นค่อนข้างสูง เหมาะทั้งกับการใช้งานในชีวิตประจำวันและการท่องเที่ยว

แต่เจ้า CL หากจะวิ่งเที่ยวไกลๆ อาจจะต้องใส่อุปกรณ์เสริมนิดหน่อยเช่น ชิลด์บังลม เพราะตัวปะทะลมเต็มๆ ค่อนข้างเหนื่อยเลยทีเดียว แต่ถ้าใครชอบแบบนั้นก็เอาที่สะดวก กรณีแบก โช๊คสำคัญมาก แร็ค กล่อง กระเป๋า ฯลฯ ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมากและการแบกสัมภาระ นั้นควรจะต้องปรับ/เปลี่ยนโช๊คใหม่เนื่องด้วยโช๊คเดิมของทั้งคู่ถูกออกแบบมาให้ขับขี่คนเดียว ไม่แบกสัมภาระ / คนซ้อน

"ความแรง" 500 ย่อมแรงกว่า 300 แน่นอน (เปรียบเทียบได้จาก Spec. sheet ตามสื่อต่างๆ) ถึงแม้พละกำลังจะต่างกันเกือบเท่าตัว แต่อย่าลืมว่า"ต่างกันแค่เครื่อง"นี่แหละ ทำให้น้ำหนักรถ มันต่างกันถึง 20กก. ซึ่งจุดนี้ทำให้เจ้า CL300 ได้เปรียบเรื่องการควบคุมในย่านความเร็วต่ำ ทั้งถนนเรียบและทางวิบาก แต่ถ้าวิ่งยาวๆไกลๆ ไป500เลยจ้าาาาา

"สั่น" CL300 ก็สั่นตามธรรมดาของรถสูบเดียวแหละ แต่เจ้า500นี่ดิ ไหงมันสั่นยังงั้นก็ไม่รู้ มันไม่ได้ถึงกับสั่นสะท้านแบบสองสูบลูกโต V-Twin แต่มันสั่นแบบจั๊กจี๋ สั่นชายิบๆๆๆๆ ในรอบสูงๆ ไม่สงผลกับการขับขี่โดยตรงนะ แค่มันจั๊กจี๋แค่นั้นเอง แต่500X ไม่สั่นแบบนี้นะ งง

สรุปคะแนนรีวิว CL500 / CL300
- การควบคุม (ทางดำ) : CL500 4.5/5 - CL300 4/5 CL500 น้ำหนักมากกว่า ได้เปรียบเรื่องความสเถียร ในขณะที่ CL300 ค่อนข้างเบา ช่วงทำความเร็วจะมีอาการเหวอๆส่ายๆนิดนึง เปลี่ยนโช๊คใส่ชิลด์น่าจะหาย

- การควบคุม (ทางดิน) : CL500 3.5/5 - CL300 4.5/5 ตรงข้ามกับทางดำ ในทางฝุ่น CL300 จะได้เปรียบกว่ามาก เพราะน้ำหนักที่เบากว่า ส่วน CL500 อาจต้องใช้ทักษะการควบคุมที่สูงมากกว่า แต่ก็ไปได้ในทางเดียวกัน

***หมายเหตุ เนื่องจาก CL เป็นรถแนว Scrambler จึงขอรีวิวเฉพาะเรื่องการควบคุม

รุ่นสุดท้าย

HONDA Forza350 / ADV350

HONDA Forza350 : รถจักรยานยนต์บิ๊กสกู๊ตเตอร์ จากค่าย ฮอนด้า ในระดับท๊อปคลาส มาพร้อมการออกแบบที่เน้นความหรูหราพรีเมี่ยมเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพิ่มเติมด้วยฟีเจอร์ใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการขับขี่ได้อย่างลงตัว ผสานด้วยขุมพลังเครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 329.60 ซีซี และเทคโนโลยีสุดล้ำ

Honda ADV 350 : เป็นรถแอดเวนเจอร์ มาพร้อมคอนเซปต์ ‘Explore Your Extraordinary ออกไปท้าทาย ให้มากกว่าที่เคย’ แรงด้วยเครื่องยนต์ eSP+ ขนาด 330 ซีซี 4 วาล์ว ส่งกำลังการขับขี่ที่ต่อเนื่องในทุกสภาพถนน อัตราเร่งติดมือไม่ว่าจะเป็นการออกตัวหรือเร่งแซง

"แฝดคนละฝา"
แน่นอนว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ชุดนี้รู้กันดีอยู่ทั่วบ้านทั่วเมืองอยู่แล้ว แต่ข้อแตกต่างเรื่องของ การขับขี่ระหว่าง2โมเดลนี้มันยังมีอยู่สองสามข้อ ไม่นับรวมรูปร่างหน้าตานะ ข้อแรกเลยคือ

- ความเร็วปลายและอัตตราเร่ง ในด้านของ ADV จะรู้สึกได้ถึงแรงบิดที่มีมากกว่านิดหน่อย รอบต้นตึงกว่า Forza ด้วยความที่เป็นรถที่ถูกออกแบบมาให้ลุยๆได้นิดนึง จึงอาจมีแรงบิดต้นมากกว่า แต่ความเร็วปลายนั้นทำได้เพียง145+นิดหน่อย แล้วก็บิดไม่ขึ้นแล้ว แถมยังมีอาการโบกลมนิดๆอีกด้วย แต่ Forza กลับทำได้ถึง160+ แล้วยังแทบไม่มีอาการส่ายให้รู้สึกเลย (นั่งขี่ทั้งคู่) อาจเป็นเพราะทรงรถมั้ง

- การควบคุม ต้องบอกเลยว่าขี่ Forza มาหลายคัน ไม่ว่าจะปรับแต่งช่วงล่างยังไงก็ยังเทียบกับความรู้สึกใน การควบคุมเจ้า ADV ไม่ได้ ไม่ได้บอกว่า Forza เป็นรถที่ควบคุมไม่ดีนะ แต่ ADV มันดีมากๆ ต่างหาก ขี่ง่าย ควบคุมง่าย เลี้ยวง่าย มันง่ายไปหมดซะทุกอย่าง แต่ Forza นั่งสบายกว่านะทางไกลๆยาวๆ ขอ Forza แต่ถ้าทางลุยนิดๆ หรือขี่ในเมือง ADV จัดว่าแจ่มกว่า

สรุปคะแนนรีวิว Forza350 / ADV350

- ท่านั่ง Forza 5/5 - ADV 4.5/5 ท่านั่งไม่ต่างกันมากเท่าไรแต่วิ่งไกลๆ Forza นั่งสบายกว่ามาก

- การควบคุม Forza 4/5 - ADV 5/5 ADV นี่ถ้าเต็ม10ก็ให้10เลย ชอบฟีลลิ่งการขับขี่มาตั้งแต่ ADV150 แล้วยิ่งพอมาเป็น 350 ขี่สนุกกว่า แรงกว่า คุมรถง่ายกว่า เอาไปเลย 10 10 10 3ผ่าน

📢 ฝากติดตามช่อง Youtube : WEBIKE THAILAND

https://youtu.be/nDQFkBse2FY?si=54pzVMOei73kkSLN


"ถ้าวิ่งทริปไกลๆ ผมเลือก Forza แต่ถ้าใช้งานในเมืองหรือลุยฝุ่นลุยดิน ผมเลือก ADV"
สุดท้ายแล้วเลือกซื้อรถตามความชอบและจุดประสงค์การใช้งาน คันตรงไหนเกาตรงนั้น

(รีวิวจากความคิดเห็นส่วนตัว : Admin Mmii Webike)

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง

ฉลองครอบรอบ 20ปี วีไบค์

ค้นหาสินค้าจาก วีไบค์ไทยแลนด์

Return Top