รีวิวทดสอบ SR400 ในตำนาน!
- 13/09/2016
1,459 views
SR นั้นถือกำเนิดขึ้นมาในโลกนานมากแล้วตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้รับใบขับขี่ และมันยังคงมีอยู่บนท้องถนนอย่างมากมายเนื่องมาจากการตอบรับที่ดีของเหล่าสาวกนั่นเอง เครื่องยนต์สูบเดี่ยวไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้มันได้รับความสนใจอย่างมากตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรก หากแต่เป็นราคาของมันต่างหากที่ไบค์เกอร์วัยหนุ่มสาวสามารถที่จะไขว่คว้าได้ และมันบูมอย่างมากในวงการคัสตอม
ปัจจุบัน SR กำลังเผชิญกับจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่ นั่นคือมันมาพร้อมเครื่องยนต์ระบบหัวฉีด แต่ยังคงการระบายความร้อนด้วยอากาศใว้จึงทำให้ตัวรถเองใช้งานง่ายขึ้นเสมือนว่ามันเป็นเพีบงสมุดพกเล่มหนึ่งของเด็ก ๆ ไป และในปัจจุบันตัวเสื้อสูบและท่อไอเสียนั้นก็ได้รับการปรับปรุงมาใหม่ทำให้มีท่อพิเศษเพิ่มเข้ามาด้วย มันคือเซ็นเซอร์ของปั๊มน้ำมันและท่อออกซิเจนสำหรับหัวฉีดนั่นเอง ซึ่งมันทำให้ผมค่อนข้างเศร้าใจทีเดียว
อย่างไรก็ตาม SR ยังคงเป็นผู้อยู่รอด (ไม่ถูกยกเลิกการผลิตเนื่องจากกฎ Euro4) นั่นต่างหากสำคัญยิ่งกว่าการการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย
ตัวถังน้ำมันยังคงความคลาสสิกด้วยสีดำสนิทและมีลายเส้นเล็ก ๆ พาดผ่าน ระบบกันสะเทือนหลังจาก Showa ซึ่งมันให้ทั้งความสวยงามและได้บรรยากาศแบบสุด ๆ มันไม่ใช่รถมอเตอร์ไซค์ แต่ SR เป็นคำว่าประวัติศาสตร์และตำนาน และยังเป็นการสตาร์ทแบบใช้เท้าเท่านั้นซึ่งนี่ก็ถือเป็นอีกจุดหนึ่งที่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของมันใว้ได้อย่างเหนียวแน่น และการสตาร์ทก็ไม่ได้ยากเย็นเท่าไรนักเพียงถีบมันสัก 2-3 ทีในขณะอุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียสเท่านั้น ฮ่าๆ นี่คือสิ่งที่เราเรียกว่าพลังแห่งหัวฉีด
แต่เดี๋ยวก่อนมันได้รับการปรับปรุงมาใหม่สำหรับ SR ตัวใหม่นี้แรงบิดจะเพิ่มขึ้นมาที่ 4000-5000 รอบ/นาที มันให้ความรู้สึกที่ทรงพลังมากกว่าแต่ก่อน ซึ่งกราฟของแรงบิดสูงสุดที่แสดงบนแค็ตตาล็อคนั้นดูจะต่ำกว่า และเมื่อทดสอบขับจริงรอบ RPM นั้นก็ต่ำตามไปด้วย ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ารอบโดนตัดหรือว่ารอบต่ำแต่ได้พละกำลังเพิ่มขึ้นกันแน่ อย่างไรก็ดี SR ตัวใหม่นี้ดูมั่นคงและอัตราเร่งดีกว่า SR ตัวเก่า
แม้ SR จะได้รับการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างเช่นล้อแบบหล่อ, ดรัมเบรคหน้า แต่ก็ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงสไตล์ตัวรถเลยตั้งแต่ปี 1978 ซึ่งทุกวันนี้มันก็ยังคงความสวยงามอยู่เช่นเดิมและเหล่าสาวกก็ไม่ได้ซาลงไปลงไปเลยแม้แต่นิด
นี่คือความสวยงามของครีบระบายความร้อนของเครื่องยนต์สูบเดี่ยวที่ ณ ปัจจุบันได้เพิ่มระบบจุดระเบิดแบบทรานซิสเตอร์เข้ามาด้วย และมันยังได้รับการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างรวมถึงลดความแข็งของสปริงคลัทช์ลงถึง 30% ด้วยกัน และถึงแม้กำลังสูงสุดของเครื่องยนต์ที่แสดงบนกราฟจะลดลง แต่ก็ยังไม่เคยลองนำมาเปรียบเทียบกันจริงๆ จัง ๆมาก่อน เพราะ SR ตัวใหม่นี้มีแรงบิดในช่วงรอบกลางที่เพิ่มมากขึ้น
ท่อไอเสียมาพร้อมแคท (เครื่องฟอกไอเสีย) และการ์ดกันร้อนมาร้อนมาให้ในตัวที่ดูหนากว่าตัวก่อน อีกทั้งตัวท่อยังเคลือบด้วยเทคโนโลยีนาโนฟิล์มที่สามารถป้องกันการเสื่อมสภาพจากความร้อนของท่อได้เป็นอย่างดี เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นสำหรับโมเดลนี้โดยเฉพาะ
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโมเดลนี้คือระบบเผาใหม้ที่เป็นหัวฉีด (Fuel Injection) ที่มีถึง 12 รูสำหรับการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้ทำให้สามารถเผาไหม้ได้อย่างสะอาดหมดจดไร้มลภาวะ ซึ่งระบบหัวฉีดนี้ตอบสนองการทำงานได้เป็นอย่างดีร่วมกับชุดเรือนลิ้นเร่งและตำแหน่งเซ็นเซอร์ของคันเร่งที่ถูกออกแบบมาใหม่ได้เป็นอย่างดี
ชุดไอดี (Air Injection) ที่ติดตั้งอยู่ใต้ชุดเรือนลิ้นเร่งเพื่อทำงานร่วมกับชุดหัวฉีด ซึ่งจะช่วยควบคุมการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงติดตั้งอยู่ข้างในของฝาครอบข้าง ซึ่งไม่กินพื้นที่ของตัวรถ ถึงแม้ตัวปั๊มจะค่อนข้างใหญ่ก็ตาม
หาของแต่งสำหรับ YAMAHA ทุกรุ่น
หาของแต่งสำหรับ YAMAHA SR400 เท่านั้น!
ต้องบอกว่ามันสูญเสียความเป็น SR ไป เพราะมันตอบสนองได้แบบราบเรียบมากไม่หยาบกระด้างเหมือนแต่ก่อนที่ผมเคยสัมผัสมา และมันควบคุมการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้ดีกว่าด้วยการทำงานของหัวฉีด ซึ่งก็ต้องยอมแลกกับเสียงและการปล่อยก๊าซไอเสียแบบเดิมที่ใช้คาร์บูเรเตอร์
เกือบลืมบอกไปว่าถึงแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปหลายอย่างก็ตาม แต่อารมณ์ความคลาสสิกและพื้นฐานของเจ้า SR นั้นก็ยังคงเหมือนเมื่อ 30 ปีที่ผ่านมาอยู่เลย
"ก่อนอื่นเลยคือโช็คหน้า, เฟรม, สวิงอาร์ม และยางก็ยังคงให้การตอบสนองที่นุ่มนวลคล่องตัวดี เมื่อเทียบกับการตอบสนองแบบหนัก ๆ อย่างโมเดลอื่น ๆ ในปัจจุบันเช่น XJR400 และ XJ6 ซึ่งเราเรียกมันว่า "ความทื่อนั่นเอง""
ตอบสนองได้อย่างนุ่มนวลและคล่องตัวมาก แม้ขณะเปิดปิดคันเร่ง และด้วยระบบกันสะเทือนที่ซอฟท์ทำให้การขับขี่รู้สึกสบาย
หากจะมีมอเตอร์ไซค์สักคัน SR นี่แหละเหมาะมากเพราะใคร ๆ ก็สามารถขี่ได้และราไม่แรง การควบคุมรถก็ทำได้อย่างง่ายดาย ลองสัมผัสดูด้วยตัวคุณเองแล้วจะรักมันไม่เสื่อมคลาย!!
ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงซ่อนอยู่ภายใต้ฝาครอบข้างที่ขยายขนาดเพิ่มขึ้นมาอีก 10 มม. และมีโลโก้ SR ที่ทำมาจากโลหะสีสวยงามให้เห็นได้อย่างเด่นชัด
การออกแบบที่คลาสสิกด้วยสีขาว พร้อมโชว์เครื่องหมายต่าง ๆ บนหน้าปัดได้อย่างชัดเจน และมีสัญลักษณ์หัวฉีดเพิ่มเข้ามาด้วย
เบาะทรงยาวที่ถูกออกแบบมาดูเรียบง่ายแต่ให้ความคล่องตัวรองรับตำแหน่งการขับขี่ตามพื้นฐานของตัวก่อน ๆ
คาลิปเปอร์เบรคและขอบด้านในของตัวดิสเบรคหน้าเป็นอโนไดซ์สีดำสวยงาม
ขนาดของยางหน้าและหลังเท่าเดิมจาก Metzeler พร้อมขาตั้งข้างที่ถูกออกแบบมาใหม่เพื่อการใช้งานที่ดีขึ้น
ตำแหน่งท่านั่งเอนไปด้านหน้าเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้ตัวคนขับรู้สึกผ่อนคลายยามขับขี่ และคุณเองก็ยังจะสามารถปรับตำแหน่งท่านั่งของตัวเองได้ตลอดเวลา เพราะมันเป็นเบาะยาวนั่นเอง การเข้าโค้งก็ทำได้อย่างดี ตัวและระบบต่าง ๆ ตอบสนองการสั่งงานจากคนขับได้เป็นอย่างดีเยี่ยม
Original Source [Autoby] (*Japanese)