บทสัมภาษณ์กับ Mr. Noguchi ประธาน KTM Japan ถึงความสำเร็จ 15 ปีซ้อน

การแข่งขันอันยาวนานถึง 16 วัน 9,346กิโลเมตร กับดินแดนร้อนระอุที่มีแต่ทรายที่ Dakar Rally โดยปีนี้จัดขึ้นที่ประเทศอาเจนตินา และมีหลายทีมที่เข้าร่วมการแข่งขันเพื่อชิงชัยความเป็นหนึ่งของการแข่งครั้งที่ 36 นี้ ซึ่งก็ดำเนินมาเรื่อยจนมาถึงท้ายสุดที่ทาง Honda ต้องมาไล่บี้กับ KTM ถือเป็นปีที่สี่แล้วที่ทั้งสองไล่กันมาติดๆแบบนี้ ถึงกระนั้นฝ่าย Honda ที่เตรียมตัวและพกความมั่นใจมาเต็มที่ก็ต้องพ่ายให้กับแชมป์เก่าอย่าง KTM ที่รวมแชมป์ปีนี้แล้วจะกลายเป็นแชมป์ 15 ปีซ้อน

แล้วก็มาถึงคำถามที่หลายคนสงสัยว่าทำไม KTM ถึงเรียกได้ว่าเป็นรถที่เหมาะที่สุดสำหรับการแข่งวิบาก ทางทีมงานข่าวสารของเรา Kenny Sagawa จึงเดินทางไปสัมภาษณ์กับ Mr. Noguchi ประธาน KTM Japan ถึงที่

 

ความแข็งแกร่งของ KTM ในการแข่งวิบาก

“ตามที่หลายๆคนคาดการณ์ไว้แต่แรกเริ่มของการแข่งปีนี้ว่าจะต้องเป็น KTM กับ Honda ที่ต่างนำรถตัวท๊อปมาประชันกันต้องมาไล่บี้กันอย่างเมามันส์ งานนี้รถทาง Honda ต้องขอบอกเลยว่าเร็วจริงๆ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ แค่ใช้เงินประมาณพันล้านในการค้นคว้าพัฒนาระบบและอุปกรณ์จนออกมาดีเยี่ยม รู้ได้เลยว่าตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อให้เราสัมผัสได้ถึงสุดยอดเทคโนโลยีที่ตั้งใจค้นคว้ามาเพื่อประชันกันในการแข่งขันหลายๆงานของ MotoGP แต่ถึงยังไงก็ไม่มีทางที่จะคว้าชัยในการแข่งที่ Dakar นี้ไปจากเราได้

ในอีกทางนึง KTM ที่เน้นรถเฉพาะการแข่งวิบากอย่าง Dakar ในการทำตลาดกับกลุ่มนักขับสายวิบากเป็นส่วนใหญ่ด้วย KTM450 ซึ่งเราก็ได้นำเงินส่วนนี้มาเป็นเงินทุนในการแข่งขันครั้งนี้ ทุกอย่างออกมาได้ตามที่คาดหวังไว้

มาพูดถึงเรื่องเบาๆกันบ้าง แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สำคัญนะ เพราะเมื่อเราลงมาทำธุรกิจการค้าขายนี้แล้ว หากเกิดเหตุผิดพลาดขึ้นมาก็อาจส่งผลถึงภาพรวมของบริษัทได้ ดังนั้นรถจาก KTM ทุกคันทางทีมงานฝ่ายผลิตจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับงานทุกชิ้น โดยเฉพาะรถของ Stefan Svitko รองแชมป์ปีนี้ก็ออกมาสู่ตลาดแล้ว ส่วนรถของทีม KTM Japan ที่ Jun Mitsuhashi ใช้เมื่อปีที่แล้วก็มีให้จับจองแล้วเช่นกันภายใต้สโลแกน “Ready to Race” ที่สะท้อนให้เห็นถึงแผนการ และแนวทางขององค์กรใหญ่ยักษ์อย่าง KTM

 

 

การคว้าชัยที่ Dakar ครั้งนี้ยังไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดที่พวกเราวางเอาไว้(เพียงแค่การแข่งที่นี่ถือว่าเป็นงานหินงานหนึ่งเท่านั้น) เราตั้งใจไว้ว่าจะเข้าร่วมการแข่งอีก 5-6 รายการ ซึ่งความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นกับรถก็อาจส่งผลร้ายกับเราได้ โดยเราเชื่อว่าการแข่งระดับนี้ต้องใช้รถที่มีประสิทธิภาพ และนักแข่งที่มีฝีมือ เพราะไม่ว่าจะเกิดเหตุการ์ใดๆขึ้นระหว่างการแข่งขัน นักแข่งจะต้องแก้ไข หรือซ่อมรถด้วยตัวเอง ดังนั้นการใช้รถที่ไม่มีอะไหล่แต่งใดๆเลยเข้าแข่ง ทำให้เมื่อเกิดปัญหาสามารถปรับเปลี่ยน และซ่อมได้อย่างรวดเร็ว

มาพูดถึงทีมงานของ KTM กันบ้าง ถือได้ว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งและเลือกสรรกันมาอย่างดี ซึ่งหลายคนพอรู้เรื่องทีมงานของเราก็ถึงกับอุทานว่า “คนพวกนี้มันอะไรกันเนี่ย!” เพราะนักแข่งมีสามคน ช่างเทคนิคก็ใช้ถึงสามคน แถมช่างที่หน้างานก็อีกสามคน เมื่อเข้าไปถามทุกคนก็ต่างบอกว่าสนุกสนานกับงานครั้งนี้มาก ซึ่งเชื่อว่าความรู้สึกสนุกกับสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่คือปัจจัยหลักที่นำไปสู่ชัยชนะ”

 

 

แนวคิดด้านการตลาดของ KTM

จากบทสัมภาษณ์ของ Mr. Noguchi แล้วเราจะเห็นได้ว่าความลับที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความแข็งแกร่งของ KTM ก็คือรถที่ “คงทน” “ซ่อมง่าย” และ “ความคิดเชิงบวก” การแข่งครั้งนี้ไม่ใช่เพื่อวัดระดับการขายของบริษัท แต่เป็นการเลื่อนระดับ “โอกาสทางธุรกิจ” โดยใช้มุมมองจากนักขับหลายๆคน ด้วยแนวคิดแบบนี้จึงทำให้นักขับรับรู้พลังของ KTM

 

 

ผู้สัมภาษณ์: หัวหน้าฝ่ายบรรณาธิการ Kenny Sagawa

ฝ่ายสนับสนุนและให้ความร่วมมือ: KTM Japan

เขียน และเรียบเรียงโดย: Kenny Sagawa

แปล และเรียบเรียงโดย: ทีมงาน Webike Thailand