Ducati เปิดตัวตู้มเดียวถึง 6 คันด้วยกัน ทำเอาเงินในกระเป๋ามันสั่นไปหมด มีทั้ง Ducati Scrambler Café Racer, Ducati Desert Sled, Multistrada 950, Monster 797, Monster 1200/1200S , และ Ducati 1299 Superleggera พร้อมรูปเต็มเหนี่ยวไม่มีอั้น เราไปดูกันดีกว่าว่าคันไหนบ้างที่น่าจัด 

 

Ducati Scrambler Café Racer

เริ่มกันที่การผสมผสานของ scrambler กับ cafe racer จนได้ออกมาเป็น Ducati Scrambler Café Racer คันนี้ ตัวเครื่องที่ดูแน่นทะมัดทะแมง แต่ก็มีกลิ่นอายความชิว เน้นหล่อของคาเฟ่เรเซอร์อยู่ด้วยเหมือนกันจากแฮนด์หมอบ ยาง มีกันดีดไว้สำหรับติดป้ายทะเบียน และตูดมดตามแบบฉบับคาเฟ่ เจอแบบนี้ R nineT Racer ก็คงมีหนาวๆร้อนๆอยู่บ้างเหมือนกัน

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $11,395(400,000บาท)

 

Ducati Desert Sled

ตัวนี้เป็น Scrambler ขนานแท้ที่ดูคาติตั้งใจทำมาเทียบชั้นกับ BMW R nineT Scrambler แต่เจ้า Desert Sled นี้ดูจะให้อารมณ์สายลุยได้มากกว่า เพราะทั้งล้อ บังโคลนหน้า/หลัง ก็ออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ

ทั้งสูบ เครื่องยนต์ และการปรับเปลี่ยนระบบ ABS นั้นยังคงเหมือนเดิม ที่เปลี่ยนไปก็คือเฟรมที่ทำให้แข็งแรงขึ้น โช๊คมีระยะยุบตัว 7.9 นิ้ว ล้อ 19/17 นิ้ว และยางเอ็นดูโร่

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $11,395(400,000บาท)

 

Multistrada 950

 

ย่อขนาดลงมาหน่อยสำหรับคนที่ไม่อยากเอื้อมไปจนถึงตัว 1200 ทางดูคาติจึงทำฉบับย่อมาให้อยู่ที่ 937cc. โดยใช้เครื่อง Testastretta ที่อยู่ใน Hypermotard 939 ฝาสูบใหม่ รวมไปถึงการวางระบบออยล์ด้วย ทางดูคาติแจ้งไว้ว่าคันนี้มีม้าถึง 113 ตัว ทอร์คที่ 95 Nm

 

โช๊คหน้าเป็นแบบหัวกลับ 43 มม. ระยะยุบตัว 6.7 นิ้ว สามารถปรับพรีโหลด คอมเพรสชั่น และรีบาวน์ได้ ขนาดของล้อคือ 19/17 นิ้ว ทีเด็ดของ Multi 950 นี้คือจะมาพร้อมกับ Brembo M4.32 Monobloc ควบคู่ไปกับดิสก์คู่ที่ล้อหน้า และเดี่ยวที่ล้อหลัง รวมไปถึงโหมดการขับขี่ที่เหมือนกับพี่ใหญ่ 1200 ของมันอีกด้วย

 

Monster 797

 

Monster 797 นี้ก็ยังคงขนาดเครื่องไว้เท่าเดิมที่ 803cc เป็นระบบระบายความร้อนด้วยอากาศเหมือนกับตัว Scrambler กับ 796 ตัวก่อน แรงม้าที่ทำได้อยู่ที่ 75hp และรถมีน้ำหนักอยู่ที่ 193 กก.

 

 

โช๊คหน้าจะไม่สามารถปรับได้ แต่โช๊คหลังจะยังสามารถปรับพรีโหลด และรีบาวน์ได้ ดิสก์หน้า 320 มม. หลัง 245 มม. และคาลิปเปอร์ M4.32 ของ Brembo 

เบาะสูง 805 มม. ซึ่งกำลังพอเหมาะพอดีสำหรับคนทั่วไป แต่ก็ยังสูงกว่า 821 เพราะว่าตัวนั้นสามารถปรับระดับเบาะให้ต่ำลงได้ถึง 785 มม. เรื่องมุมเลี้ยว ระยะเทรล และระยะห่างระหว่างล้อก็น้อยกว่า 821 ด้วเช่นกัน

ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $9,295-$9,395(350,000-380,000 บาท)

 

Monster 1200/1200S

 

ตัว 1200cc ทั้งสองนี้มีแรงม้าถึง 150 ตัวที่รอบ 9,250rpm ทอร์ค 126Nm ที่ 7,750rpm ซึ่งถือว่าแรงกว่า 1200 ตัวก่อนอยู่พอสมควร ส่วนเรื่องระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆก็ใช้เหมือนกับของ Panigale 1299 ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลเรื่องท้ายปัด ล้อฟรี หรืออะไรทั้งสิ้น

 

ด้านอื่นๆก็จะมีสวิงอาร์มที่สั้นลง พักเท้าอลูมิเนียมไดคาสติ้ง พักเท้าหลังใหม่ที่ยังไม่รู้จะเจอปัญหาเดียวกับตัวเก่า และ 821 หรือไม่ ถังน้ำมันดีไซน์ใหม่ เช่นเดียวกับส่วนท้ายของรถ โช๊คหน้าที่ใช้จะเป็น 48มม. ของ Ohlins และโช๊คหลังก็เปลี่ยนเป็นของ Ohlins เช่นกัน โดยจะสามารถปรับได้ทั้งหน้าหลัง ดิสก์หน้าก็ใหญ่ขึ้นมา 10 มม. เป็น 330 มม. พร้อมคาลิปเปอร์ชั้นเยี่ยม Brembo M50

จุดเด่นของ Ducati 1200/1200S นี้ก็คือมีระบบ ABS ช่วยเสริมเวลาเข้าโค้งเข้ามาด้วย ถือว่าเป็นของใหม่สุดเจ๋งเลยทีเดียว และจะต้องเป็นประโยชน์กับนักขับอีกหลายๆคนด้วยเช่นกัน

 

Ducati 1299 Superleggera

 

ปิดกันที่ตัวใหญ่สุดของงาน 1299 Superleggera ที่ใช้เครื่อง 1285cc Superquadro มีช่วงชัก 116 x ก้านสูบ 60.8มม. เป็นรถที่มีเฟรม ล้อ และแฟริ่งเป็นคาร์บอนหมด อีกทั้งทางดูคาติยังบอกว่าคันนี้คือรถที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดด้วย เปลี่ยนวาล์วเป็นไทเทเนียมทั้งหมด แรงอัดจาก 12.6:1 จึงเปลี่ยนเป็น 13.0:1 แคมชาร์ฟ ฝาสูบ พอร์ตไอเสีย สวิงอาร์มก็ทำใหม่ด้วยเช่นกัน แรงม้าที่ 11,000rpm วัดได้ 215hp ซึ่งมากกว่า Panigale ถึง 10 ตัวด้วยกัน น้ำหนักของรถอยู่แค่ 167 กก. เท่านั้น

 

เรื่องเทคโนโลยีของคันนี้ก็ยิ่งล้ำเข้าไปใหญ่ เพราะมาพร้อมกับ Traction Control แบบใหม่ ABS ขณะเข้าโค้ง และระบบอื่นๆแบบพรีเมี่ยมกว่าคันไหนๆ เรียกได้ว่ามีคันนี้คันเดียวก็สามารถตอบโจทย์ได้หมดทุกข้อเลย

 

ทั้งหมดนี้ก็คืองานเปิดตัว EICMA 2016 รอบสื่อในวันแรก ซึ่งยังเหลือวันที่สองอยู่อีกหนึ่งวัน เราคงจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ เด็ดๆมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอนครับ

 

 

โปรโมชั่นพิเศษประจำสัปดาห์