เปลี่ยนอีกแล้ว ep.1 น้ำมันเครื่อง
- 09/11/2020
340 views
ถามว่า ในรถจักรยานยนต์อะไรเปลี่ยนบ่อยสุด? อันดับ1 คงไม่พ้น “น้ำมันเครื่อง”
ข้อมูลจาก Wikipedia
น้ำมันหล่อลื่นเครื่องยนต์ (อังกฤษ: motor oil, engine oil) หรือเรียกกันโดยทั่วไปว่า น้ำมันหล่อลื่น หรือ น้ำมันเครื่อง ประกอบไปด้วย 2 ส่วนที่สำคัญคือ น้ำมันพื้นฐาน และสารเพิ่มคุณภาพ น้ำมันเครื่องมีหน้าที่ลดแรงเสียดทานของวัตถุชิ้นที่เสียดสีกัน ระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เคลือบช่องว่างระหว่างผิวสัมผัส ทำความสะอาดเขม่าและเศษโลหะภายในเครื่องยนต์ ป้องกันการกัดกร่อนจากสนิมและกรดต่างๆ และป้องกันกำลังอัดของเครื่องยนต์รั่วไหล เป็นต้น
น้ำมันเครื่องออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
– เกรดเดียว (monograde) คือน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืดค่าเดียว เช่น SAE 40 หมายความว่า ณ อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส น้ำมันจะมีค่าความหนืดอยู่ที่ เบอร์ 40
– เกรดรวม (multigrade) คือน้ำมันเครื่องที่มีค่าความหนืด 2 ค่า เช่น SAE 20W-50 หมายความว่า ในอุณหภูมิ -25 องศาเซลเซียส น้ำมันจะมีค่าความหนืดอยู่ที่ เบอร์ 20 แต่เมื่ออุณหภูมิสูงถึง 100 องศาเซลเซียส จะเปลี่ยนค่าความหนืดเป็น เบอร์ 50
อักษร “W” ใช้เป็นตัวบ่งบอกว่าค่าความหนืดนี้เป็นเกรดฤดูหนาว (วัดที่ -25 องศาเซลเซียส) หากไม่มีจะเป็นเกรดฤดูร้อน (วัดที่ 100 องศาเซลเซียส)
ง่ายๆเลยก็คือสำหรับน้ำมันเครื่องที่มีเลข2ชุด
เลขชุดหน้าจะบอกค่าประสิทธิภาพสูงสุดเมื่ออุณหภูมิต่ำสุดเท่าไร
เลขชุดหลังก็คล้ายๆกัน บอกค่าความหนืดสูงสุดเมื่ออุณหภูมิเท่าไร
ส่วนรถรุ่นไหนควรใช้น้ำมันเครื่องเกรดไหน เบอร์อะไร ในคู่มือมีระบุไว้ทุกรุ่นนะจ๊ะ
แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าควรเปลี่ยนน้ำมันเครื่องเมื่อไร?
1.เสียงเครื่องดังขึ้นผิดสังเกตุ นั่นเป็นเพราะน้ำมันเครื่องเริ่มจะแย่แล้ว เปลี่ยนด่วน!!
2.อุณหภูมิสูงขึ้น เพราะเกิดการเสียดสีและการทำงานของเครื่องยนต์มากกว่าเดิม
3.หรือเอาง่ายๆ เปลี่ยนตามระยะ 3,000-4,000 ขึ้นอยู่กับคุณภาพของน้ำมันเครื่อง
ถ้าไม่เปลี่ยนน้ำมันเครื่องล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?
พังครับพัง พังแน่นอน เริ่มจากชุดข้อเหวี่ยงและลูกสูบก่อนเลย น้ำมันเครื่องเหนียว
เครื่องยนต์ทำงานหนัก อุณหภูมิสูง และเมื่อเกิดการเสียดสีมากๆ เศษชิ้นส่วนโลหะ
จะตกไปอยู่ในเครื่องยนต์ และก็ พังๆๆๆๆๆ ไม่สนุกแน่นอน
วิธีเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องด้วยตัวเอง ง่ายๆ
” น้ำมันเครื่องก็เปรียบเสมือนเลือดในตัวเรา ถ้าคุณภาพของเลือดดี
สูบฉีดดีร่างกายก็จะแข็งแรงดีตามไปด้วย
คุณไม่อยากให้ลูกรักของคุณเลือดเสียหรอกช่มั้ยล่ะ ? “