ความทรมานใน Suzuka 8 Hours มันเหมือนกับใช้ชีวิตอยู่ในนรกยังไงยังงั้น

คนที่ขี่ในรูปนั้นคือผมเอง ตอนนั้นผมกำลังขี่ YZF-R1 ในปี 1999 รายการ Suzuka 8 ชั่วโมง เมื่อ 20 ปีที่แล้ว ส่วนตัวผมเองได้มีโอกาศมีส่วนร่วมใน Suzuka 8 ชั่วโมง สำหรับรายการนี้เป็นอะไรที่ทรมากของรายการ Suzuka 8 ชั่วโมงนั้นมันเกินคำบรรยาย ร่างกายของผมไม่เคลื่อนไหวตามที่คาดไว้เนื่องจากความเหนื่อยล้าของร่างกายและยากต่อการรักษาสมาธิอีกด้วย ในช่วงโค้งก่อนทางตรงผมมีเริ่มมีอาการวิตกกังวลว่าผมจะตรงไปโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าผมจะมาถึง PIT ของเราได้อย่างปลอดภัยและเมื่อลงจากรถก็แทบจะล้มลงไปบนบนพื้นเลย

อย่างไรก็ตามผมรู้สึกดีใจมากที่มีนักขี่ที่ขี่เร็วมากขึ้นเท่าไหร่ก็จะมีพวกที่สามารถแซงรถคันอื่นได้ โดยรักษาความเร็วและสมาธิในระหว่างการแข่งขัน หลังจากได้พักพวกเขามักจะคุยกับทีมงานเกี่ยวกับเงื่อนไขต่างๆ และไปที่ห้องพัก มันชัดเจนจากประสบการณ์ของผมและจากทีวี

ทั้งหมดนี้รวมอยู่ในอะไร? เป็นเรื่องธรรมดาที่จะคิดว่าความแข็งแกร่งทางกายภาพนั้นคือการขับขี่ที่รวดเร็วขึ้น แต่…อย่างไรก็ตามคนที่ขี่เร็วนั้นไม่ได้ใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น

จากที่ผมบอกไปว่าจะพยามไม่ใช้พลังงานที่ไม่จำเป็นเลย อย่างไรก็ตามด้วยการคิดใหม่เกี่ยวกับการขับขี่โดยใช้ดัชนีว่าผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจฉันรู้สึกว่าสารของ“ พลังงานที่ไม่จำเป็น ” ได้เข้าใจ ผมต้องการคิดเกี่ยวกับมันละ

 

ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้งานอยู่เรื่อย ๆ

เรามี 2 วิธีในการใช้แรงของกล้ามเนื้อและวิธีการใช้พลังงาน หนึ่งคือความแข็งแรงของกล้ามเนื้อที่ใช้งานซึ่งพยายามที่จะโยกย้ายสิ่งต่าง ๆ ด้วยแรงและอื่น ๆ คือความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อเรื่อยๆที่เราพยายามที่จะทนแรง

ถึงแม้ทั้งสองอย่างจะใช้กำลังเหมือนกัน แต่ก็มีความแตกต่างทางกายภาพระหว่างคนทั้งสอง การเคลื่อนไหวที่ใช้งานจะถูกควบคุ้มด้วยเส้นประสาทที่กับความตึงเครียดและความตื่นเต้นในหมู่เส้นประสาทอัตโนมัติ, กล้ามเนื้อและหลอดเลือดหดตัวและผ่อนคลายซ้ำ ๆ และมีแนวโน้มที่จะจิตใจและร่างกายเหนื่อยล้า อย่างไรก็ตามในการเคลื่อนไหวแบบพาสซีฟเส้นประสาทกระซิกที่ผ่อนคลายจะมีอิทธิพลมากกว่าหลอดเลือดและการส่งเลือดทำให้ยากต่อการสะสมความเหนื่อยล้า

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือสไตล์การขับขี่ที่ดูเหมือนว่าร่างกายกำลังเคลื่อนไหวแบบไดนามิกโดยเพื่อป้อนแรงที่มาจากรถจักรยานยนต์ทำให้เหนื่อยล้าง่ายขึ้นอยู่กับความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ตามความเป็นจริงนั้นสไตล์มันก็ทำไม่ได้ไม่เร็วนัก

 

สาระสำคัญของการขี่คือการยักย้ายถ่ายเททางกายภาพ

ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่การเคลื่อนไหวทางร่างกายในการขี่จะเป็นแบบพาสซีฟ ลองพิจารณาการ Countersteering เมื่อเข้าโค้ง การทำให้รถเบาขึ้นทำให้ควบคุ้มได้ง่ายมากขึ้นOn the other hand, if leaving a body weight ด้านนอกมีการเคลื่อนไหวของลำตัวเมื่อเข้าโค้งและดึงรถกลับให้ตั้งตรงตัวที่จะอยู่ด้านนอกมันเป็นการจัดร่างการแบบพาสซีฟ (ซึ่งสามารถลดการเคลื่อนไหวโดยใช่น้ำหนักจริง)

เมื่อก่อนที่ผมได้เขียนคอลัมน์ไปก่อนหน้านี้มีเหตุผลอย่างหนึ่งที่ปฏิเสธการ Countersteering เป็นทฤษฎีเทคนิค เช่นเดียวกันสำหรับการก้าวเท้าและการเตะ footpegs เพราะพวกเขามีแนวโน้มที่จะจัดการอย่างแข็งขัน

ท้ายที่สุดบนพื้นฐานของการจัดร่างกายในการเเเข่งขัน “กล้ามเนื้อของลำตัว (นั่นคือกล้ามเนื้อส่วนลึก) ค่อยเป็นตัวนำ และความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของแขนขาทำงานในการตอบสนองต่อมัน” มีเหตุผล นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในฐานะนักแข่งชั้นยอดจึงไม่เหนื่อยง่าย